| หัวข้อ |
รายละเอียด |
| ชื่อสามัญ |
Burmese Padauk, Burma Padauk, Burmese ebony, Narva, Burmese
rosewood |
| ชื่อทางวิทยาศาสตร์ |
Pterocarpus macrocarpus Kurz |
| วงศ์ |
FABACEAE |
| ชื่อพื้นเมือง |
ประดู่เสน (ราชบุรี, สระบุรี), ดู่ ดู่ป่า (ภาคเหนือ), ประดู่
ประดู่ป่า (ภาคกลาง), จิต๊อก (ฉาน-แม่ฮ่องสอน), ตะเลอ เตอะเลอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน),
ฉะนอง (เขมร) |
| ลักษณะเด่น |
ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15 – 30 เมตร ผลัดใบ
เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ทึบ เปลือกนอกสีน้ำตาลดำ หนา แตกสะเก็ด เปลือกในสีน้ำตาล
มีน้ำเลี้ยงสีแดง เนื้อไม้แข็งสีแดงอมเหลือง มีลวดลายสวยงาม ใบประกอบขนนกชั้นเดียว
ปลายใบคี่ เรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่หรือรูปขอบขนาน กว้าง 2.5 – 5 เซนติเมตร ยาว 5 – 15
เซนติเมตร โคนใบมน ขอบใบเรียบ ปลายใบเป็นติ่ง แผ่นใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบางๆ
ท้องใบมีขนอ่อนๆ ปกคลุม |
| สรรพคุณ |
ใบ รสฝาด ใช้สระผม พอก ฝี พอกแผล แก้ผดผื่นคัน เปลือก รสฝาดจัด
สมานบาดแผล แก้ท้องเสีย บำรุงร่างกาย แก่น รสขมฝาดร้อน แก้คุดทะราด แก้เสมหะ
เลือดกำเดาไหล แก้ไข้ บำรุงเลือด บำรุงกำลัง ขับปัสสาวะ แก้ผื่นคัน ผล แก้อาเจียน
แก้ท้องร่วง มีรสฝาดสมานอ |
| ข้อควรระวัง |
ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไปหรือใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป
เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ สำหรับเด็กสตรีมีครรภ์ หรือ
ผู้ป่วยเรื้อรังก่อนจะใช้ประดู่ป่าเป็นยาสมุนไพรควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
|
| บริเวณที่พบ |
บึงพระลักษณ์ฝั่งถนนหลังมหาลัย |